วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[NMR.BD WORK] WEEK 2 : เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ 1 ; อนิเมะสาวน้อยพรีเคียวกับข้อคิดที่นำมาใช้ในชีวิตจริง

[NMR.BD WORK]
WEEK 2 : เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ (1) 
อนิเมะสาวน้อยพรีเคียวกับข้อคิดที่นำมาใช้ในชีวิตจริง




สวัสดีค่ะทุกท่าน พบกับบล็อกเกอร์อีกแล้ว เนื่องในโอกาสที่วีคนี้เป็นเรื่องที่นักเรียนสนใจ บล็อกเกอร์จึงขอนำเสนอการ์ตูนซีรีย์โปรดของบล็อกเกอร์เองค่ะ >__<

ซึ่งก็คือ..


Precure หรือ Pretty Cure ที่ทุกท่านน่าจะรู้จักกันดีค่ะ!

อะๆ คงมีหลายเสียงสะท้อนกลับมา ว่าโตขนาดนี้แล้วยังจะดูพริตตี้เคียวอีกเหรอ ?
บางท่านก็น่าจะถามมาว่า เรื่องอะไรเนี้ย ? 
ก็เรื่องที่มีเคียวแบล็คกับเคียวไวท์นั่นแหละค่ะ (ฮา)
(แต่บล็อกเกอร์ดูแค่บางภาคนะ ภาคนึงก็ตก 40 -50 ตอนแล้ว ไม่ว่างดูเลย..)
แต่หารู้ไม่..เจ้าการ์ตูนเด็กๆที่ว่านี่ล่ะ ทำบล็อกเกอร์น้ำตาซึมมาแล้ว
ยังไง ? ตามบล็อกเกอร์ไปดูกันค่ะ :)
--------------------------------
ก่อนที่จะพูดถึงสิ่งที่เราได้รับจากอนิเมะเรื่องนี้
เรามาดูข้อมูลกันก่อนดีกว่า ว่าพรีเคียว (บล็อกเกอร์ขอใช้คำว่าพรีเคียวนะคะ)
ไปไกลถึงไหนแล้ว ? บางท่านยังนึกว่ามีแค่เคียวแบล็คเคียวไวท์อยู่เลย 
(ปัจจุบันฟรีทีวีบ้านเราก็ฉายถึงภาค Yes! Precure GoGo! แล้วด้วยนะ!)

ปัจจุบันพรีเคียวนั้นมี 12 ภาคค่ะ รวมภาคต่ออย่าง Max heart และ GoGo! แล้วด้วยค่ะ
1.Futari wa Precure
2.Futari wa Precure Max Heart

3.Futari wa Precure Splash Star

4.Yes! Precure 5
5.Yes! Precure 5 GoGo!

6.Fresh Precure!

7.Heart Catch Precure!

8.Suite Precure

9.Smile Precure!

10.Doki Doki! Precure

11.Happiness change Precure!

และล่าสุดที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้ 12.Go! Princess Precure (กรี๊ดดด)

ที่กรี๊ดดด นี่ไม่ใช่อะไรค่ะ ติ่งภาคนี้อยู่ตอนนี้เลย แฮะๆ
สีชมพู : ภาคที่บล็อกเกอร์ดูบ้าง - เกือบจบ ขอไม่นับภาค 1-3 นะคะ มันเลือนลางมากแล้ว
แต่รวมๆก็เคยดูมูฟวี่ของแต่ละภาค + มูฟวี่รวมหมดแล้วนะคะ
สีแดง : ภาคโปรดของบล็อกเกอร์เองค่ะ!
สำหรับเอนทรี่นี้ บล็อกเกอร์จะนำภาคที่เคยดูมาแนะนำข้อคิดต่างๆที่ได้ค่ะ
ใครจะไปเชื่อ ว่าอะไรเด็กๆ มันจะให้อะไรเรามากกว่าที่เราคิด ?
หนำซ้ำ มันกลับทำให้เราย้อนไปคิดอะไรหลายๆ อย่างอีกด้วยล่ะ ?
--------------------------------
สำหรับซีรีย์พรีเคียว จะเน้นผู้ชมไปที่วัยเด็กๆหน่อย (แต่โตแล้วก็ดูได้นะเออ)
คุณธรรมต่างๆ ที่เหมาะสม ตามแบบสังคมของประเทศญี่ปุ่น 
ตัวละครในเรื่องก็จะอยู่ประมาณม.ต้น 
ประมาณว่า เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี
ซึ่งคนที่เสียทรัพย์มากหน่อยก็ผู้ใหญ่ที่เก็บฟิกเกอร์นี่แหละค่ะ เด็กๆ ก็เก็บที่แปลงร่างกับเกมส์เต้นไป

เอาล่ะ ! เข้าเรื่องกันสักที หลังจากบ่นมานานอีกเช่นเคย (ฮา)
ขอเริ่มจากภาคจับใจ Heart Catch Precure ค่ะ
ภาคนี้ บล็อกเกอร์ถูกใจหลายๆ อย่าง
ลายเส้นของผู้วาดแม่มดน้อยโดเรมี
คาแรกเตอร์ตัวละคร
คิวบู๊และเนื้อเรื่อง
ขอเป็นตัวละครที่บล็อกเกอร์ชอบนะคะ

Hanasaki Tsubomi
ทสึโบมิจัง ลูกสาวร้านดอกไม้ พรีเคียวสีชมพูจากภาคนี้ค่ะ
บล็อกเกอร์ชอบนางมากกกกก 
นิสัยของทสึโบมิจัง จะออกแนวเนิร์ด ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก
ตอนแรกสทึโบมิจังเองก็ย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียนมาด้วย หงิมๆเลยค่ะ
แต่ด้วยความซวย เอริกะมาถูกใจนาง เลยไล่ลาลากนางมาอยู่ชมรมแฟชั่นค่ะ
(อยากหนีก็หนีไม่ได้ บ้านดั๊นนน อยู่ข้างกัน)
ที่สำคัญ ทสึโบมิจังพูดเพราะมากๆค่ะ 
แถมให้เสียงโดยเจ๊เจ็ด Mizuki Nana ด้วยนะเอ้อ!

Kurumi Erika
เอริกะ ตัวฮาประจำซีรีย์พรีเคียวเลยค่ะคนนี้ หัวหน้าชมรมแฟชั่น (ที่สมาชิกพากันออก)
คุณแม่กับพี่สาวของเอริกะเป็นนางแบบ แต่ก่อนเอริกะเองก็อยากเป็นนางแบบนะ แต่สุดท้ายเอริกะก็ยอมแพ้พี่สาวตัวเองไป จนอยากเป็นดีไซน์เนอร์แทนนี่ล่ะ

(ตัวฮาจริงๆนะเอ้อ!!)

(ความพยายามนางสูงจนสงสารทสึโบมิจังจริงๆ ฮาาา)
* อีกสองสาวตัวละครหลักขอไม่พูดถึงนะคะ ไม่งั้นบล็อกยาวเกินจริงๆ *

ภาคนี้เป็นภาคที่บล็อกเกอร์กดดูซ้ำบ่อยที่สุด
มันได้เห็นพัฒนาการของตัวละครชัดเจนมากเลยค่ะ ยิ่งผ่านตัวทสึโบมิจังแล้ว
นางเอกของเรา..เป็นคนอ่อนแอ ขี้กลัว คิดว่าตัวเองช่วยเหลือใครไม่ได้หรอก
ไม่ได้หรอก..
ทำไม่ได้หรอก..
นางเอกอีกคนของเราอีกคน..ภายนอกดูเป็นคนร่าเริงแจ่มใส มีความพยายามมุ่งมั่น แต่ภายในใจจริงๆ กลับเต็มไปด้วยความผิดหวังในอดีต และความอิจฉา ที่ไม่ว่าตัวเองจะพยายามอย่างไร ก็สู้พี่ไม่ได้เลย
ทำไมพี่ถึงได้ดีกว่า..
ทำไม ทำไม..
จากตอนแรก ทำให้เห็นว่า จากคนอ่อนแอคนนึง กลายเป็นคนเข้มแข็งได้
เอริกะ ได้ชักชวนให้ทสึโบมิเข้าชมรมแฟชั่น แต่ทำยังไงทสึโบมิก็ปฏิเสธ
จนกระทั่งเอริกะถูกเหล่าร้ายดึงดอกไม้ในจิตใจ (เปรียบคล้ายๆกับจิตใจของคนๆ นั้น) ออกไป
ทำให้ทสึโบมิที่มาเห็นต้องช่วยเหลือ

จากนั้นเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาเรื่อยๆ
ถึงตอนที่ต้องปลดล็อกไอเทม (สู้เปล่าไม่ไหว ต้องมีของช่วยสิ!)
ผ่านบททดสอบที่ให้สู้กับตัวเอง

ตัวตนอีกด้านของทสึโบมิมิคอยย้ำเตือนว่า
'เธอมันคนอ่อนแอ จริงๆแล้วก็ช่วยเหลือใครไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง'
'ยอมแพ้เสียเถอะ'
ทสึโบมิเองก็จนปัญญา
ได้แต่คิด คิด คิด
จนกระทั่ง..
'ใช่ ฉันอ่อนแอ'
'ฉันรู้ตัวดีว่าฉันอ่อนแอ แต่ฉันจะต้องเข้มแข็งขึ้น!'
'แต่..ถึงฉันจะเข้มแข็งขึ้น ฉันก็ทิ้งความอ่อนแอในอดีตของฉันไปไม่ได้หรอก!'
ใช่ค่ะ คนเราถ้ารู้ตัวว่าอ่อนแอ สิ่งที่เราต้องทำขึ้นเข้มแข็งขึ้น
โดยเก็บสิ่งที่ผ่านมานั้นเป็นบทเรียน
เรา..ไม่สามารถย้อนอดีตไปแก้ไขได้
แต่..เราสามารถทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตก้าวต่อไปของเราได้



ทางด้านเอริกะ
ตัวตนอีกด้านของเอริกะคอยย้ำเตือนสิ่งที่เอริกะเคยรู้สึกไว้ก็คือ..
อิจฉาพี่..
'ทำอย่างไรก็เป็นแบบพี่ไม่ได้หรอก'
'เป็นนางแบบชื่อดังแบบพี่ไม่ได้หรอก!'
เอริกะออกจะแก้ปัญหาง่ายกว่าทสึโบมิจังหน่อย..
'ที่จริงแล้วฉันไม่ได้อยากเป็นแบบพี่!'
'ฉันแค่อยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทางเดินของตัวเองแบบพี่!'
การมีคนอื่นเป็นแบบอย่าง เป็นสิ่งที่ดีค่ะ
แต่การที่เราเอาคนอื่นมาเป็นตัวตนของเรา มันไม่ใช่ตัวเราเองนี่นา
เพราะเวลาเราผิดหวัง มันจะย้อนมาทำร้ายเรามาก
ทำไมเราไม่ได้แบบคนนั้น..
แบบเนี้ย ?
เพราะฉะนั้น การเป็นตัวตนของเรานั้นดีทึ่สุดแล้วค่ะ
ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเหมือนใคร
แต่แค่ต้องถามตัวเองเสมอ ว่าพยายามหรือยัง เต็มที่ไหม แค่นี้ก็พอค่ะ

(มั่นๆเอาไว้นะพวกเธอ !)

ทีนี้ขอข้ามภาคมาภาคโปรดอีกภาคของบล็อกเกอร์เลยนะคะ
กับตัวละครโปรดของบล็อกเกอร์เลยด้วย โปรดมาก มากมาย ตอนไหนบทน้อยบล็อกเกอร์เสียใจมากกก
จากภาค ไปเล้ย ! เจ้าหญิงพรีเคียว (สาวๆภาคนี้รุมตบ บล็อกเกอร์เรียกซะน่าเกลียดเลย)

Amamogawa Kirara
คิราระจ๊า---------------ง ของบล็อกเกอร์ >/////<
สาวน้อยผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนางแบบชื่อก้องตามรอยคุณแม่ค่ะ
(เอ๊ะ เหมือนเพิ่งเขียนอะไรนางแบบๆ แบบอย่างมาตะกี้แฮะ)
โดยเนื้อเรื่องของภาคนี้จะแตกต่างจากภาคอื่นด้วยค่ะ ตรงที่โรงเรียนของสาวๆเป็นโรงเรียนประจำ
แล้วคิราระจังเนี่ย เป็นคนมีวินัยในตัวเองมากค่ะ โดยเฉพาะวินัยเรื่องความฝัน
ดูเอาสิคะ เด็กม.1 ที่ไหนจะขยันหางานเดินแบบให้ตัวเอง ออกจากโรงเรียนไปทำงาน แล้วก็รีบกลับมา
เวลาว่างก็เอามาใช้ลองขีดๆ เขียนๆ ดีไซน์ชุด
ถึงขนาดที่ว่า แปลงร่างเสร็จ สู้ชนะแล้ว ก็คืนที่แปลงร่าง
อ้าว ?
นางให้เหตุผลไว้ค่ะ
'เค้าไม่มีเวลามาเป็นพรีเคียวด้วยหรอกนะ !'
เวลาของนางทุกนาทีมีค่าค่ะ
และนางต้องพยายามด้วยตัวเอง !
คิราระไม่สามารถใช้ชื่อของแม่มาอ้างอะไรได้เลย ทุกสิ่งล้วนมาจากความพยายามของตัวเองค่ะ
(แม้ว่าแม่จะเป็นนางแบบชื่อดังหรือพ่อเป็นนักแสดงที่ฮอลีวู้ดก็ตาม)
และเหมือนคำว่า 'นางแบบ' จะวนอยู่ในหัวของนางทุกอณู
มีกีฬาโรงเรียนให้เลือก 3 ชนิด ฟุตบอล, บาสเกตบอล และเทนนิส
ท่านผู้อ่านคิดว่านางเลือกอะไรคะ ?
.
.
ถ้าท่านตอบว่า บาสเกตบอล เป็นคำตอบที่ถูกต้องค่ะ !
โดยคิราระให้เหตุผลว่า..
'ก็บาสเป็นกีฬาชนิดเดียวที่แข่งในร่มนี่ล่ะ ไม่งั้นผิวเค้าก็เสียสิ'
จริงของนางค่ะ ฮาาา
(ตู้มมมมมมมมมมมมม !!!)

(บล็อกเกอร์ชอบท่านี้มากค่ะ >___< เก๋ๆ อ้ะะะ)
ถ้าให้วิเคราะห์เกี่ยวกับคิราระ..
บล็อกเกอร์ขอแนะนำถึงความ
'พยายามและไม่ยอมแพ้'
ของคิราระค่ะ
ในเนื้อเรื่อง สิ่งที่จะถูกนำมาเล่นในภาคนี้เด่นๆ เลยคือ 'ความฝัน' 
เหล่าร้ายจะดึงความฝันของผู้เคราะห์ร้ายออกมาอาละวาด
ได้มีเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์มาให้สาวๆ แก้ไขกัน
แล้วยิ่งคนที่มีความฝันแรงกล้าอย่างคิราระจังมาเจอเรื่องแบบนี้
คิาราระจะพูด ประมาณนี้ค่ะ
'ความฝันของฉัน ฉันจะไม่ยอมแพ้ !'
เราไม่เคยเห็นคิราระจังบ่นหรืออยากล้มเลิกความฝันของตัวเองเลย
เพราะความฝันของคิราระทำให้ตัวเธอเองมีความสุขนั่นเองค่ะ
ต่างกับเอริกะ..
ที่ยอมแพ้ความฝันที่อยากเป็นนางแบบของตัวเองไป
คนที่เจอสถานการณ์กับสิ่งแวดล้อมต่างกัน ย่อมคิดต่างกันค่ะ
บางคนอาจอดทนจนสำเร็จ
แต่บางคนอาจยอมแพ้
อย่างเอริกะ สุดท้ายแล้วเอริกะก็เลือกที่จะไปอีกทางนึง ที่เป็นตัวของตัวเองมากกว่า
สุดท้ายแล้ว เอริกะก็มีความสุขกับการเป็นดีไซน์เนอร์
(ยิ่งภาคมูฟวี่ของจับใจนะ นางได้ไปปารีส คือดีงามมากกกกกกก)

จากจุดนี้ ภาคนี้ได้แสดงให้เราเห็นถึง 'ความฝัน' ค่ะ
ตัวละครในเรื่อง ล้วนมีความฝันทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่
ทุกคนมีความฝันทั้งหมด
คงไม่อาจกล่าวได้ว่า ความฝันของใครถูกหรือผิด
แต่กล่าวได้แค่ว่า
ความฝันนั้นเป็นของคุณจริงๆ หรือ ?
ไม่ใช่ความฝันของใครใช่หรือเปล่า ?
ถ้าคุณฝันแบบนั้นแล้ว คุณมีความสุขกับมันไหม ?
และความฝันของคุณ ไม่ได้มีพิษภัยต่อผู้อื่นใช่ไหม ?
ถ้าผ่านทุกข้อนี้ไปได้ ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการไล่ล่าตามความฝันของทุกท่านเองด้วยนะคะ

วันนี้ ขอจบเอนทรี่ที่นั่งพิมพ์รวมกับหารูปเป็นเวลา 3 ชม. มาไว้ที่นี้ด้วยค่ะ เปิดหารูปทีแรมร้องโอ้ยๆ เลยค่ะ ฮือออ
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านค่า ไว้เจอกันใหม่เอนทรี่หน้านะคะ !

Credit 
ข้อมูลต่างๆ : http://prettycure.wikia.com/wiki/Pretty_Cure_Wiki
ปล.อย่าลืมปรับเป็น 720p เพื่ออรรถรสด้วยนะ !














[NMR.BD WORK] WEEK 1 : เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

[NMR.BD WORK]
WEEK 1 : เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน


* บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ง33103

  หากจะกล่าวถึงเทคโนโลยีในยุคสมัยนี้ คงปฎิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยสังเกตได้จากรอบๆตัวของเรา ที่เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอะไรเทคโนโลยีก็ทำได้เกือบทั้งหมด เช่น สมาร์ทโฟน ดังที่มีคนเคยกล่าวว่า "สมาร์ทโฟนนั้นเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปเสียแล้ว"

------------------------------

ก่อนที่จะเข้าเรื่อง "เทคโนโลยีมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของนักเรียนอย่างไร ?" 
ผู้อ่านทราบหรือไม่ ว่าคำว่า "เทคโนโลยี" คืออะไร ? ถ้ายังไม่ทราบ บล็อกเกอร์มีข้อมูลน่ารู้มาให้อ่านกันค่ะ

- เทคโนโลยี (Technology) คืออะไร ?
ตอบ เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาทำให้เกิดประโยชน์ เช่น การพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใช้ หรือกระบวนการต่างๆ 
โดยสรุปง่ายๆคือ เทคโนโลยีคือการเพิ่มมูลค่าของสิ่งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นนั่นเอง

  ในเมื่อมี "เทคโนโลยี" แล้ว คำที่มักจะตามหลังเจ้าเทคโนโลยีมาด้วยก็คือ "สารสนเทศ"
ว่าแต่ "สารสนเทศ" คืออะไรล่ะ ?

- สารสนเทศ (Information) คืออะไร ?
ตอบ สารสนเทศ หมายถึง  ผลลัพธ์ที่เกิดจากการนำข้อมูล การสื่อสาร มาผ่านกระบวนการอย่างมีระบบ ได้มาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า ตามความต้องการของผู้ใช้

  ดังนั้น ถ้าจะสรุปง่ายๆ เมื่อจับ "เทคโนโลยี" กับ "สารสนเทศ" มารวมกัน 
เราจะได้ "เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT)" ที่หมายถึง การนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลด้านสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์และใช้งานได้กว้างขวางขึ้น โดยอาศัยอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์เป็นหลัก

-----------------------------

  เอาล่ะ เวิ่นเว้อกันเสียนาน แล้วประเด็นหลักของบล็อกวันนี้ "เทคโนโลยีมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของนักเรียนอย่างไรล่ะ ?"
  ในฐานะของบล็อกเกอร์ที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ บล็อกเกอร์คิดว่า เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อชีวิตคนสมัยนี้มาก เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องของนวัตกรรมต่างๆ การสื่อสารไร้พรมแดน มีทางเลือกมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน  ฯลฯ
 จนตอนนี้ สังเกตได้ว่า เทคโนโลยีก็สร้างอาชีพได้ บางคนยังเป็นนักเรียนนักศึกษา แต่มีเพจของตัวเอง เวปไซต์ของตัวเอง มาสร้างรายได้เสริม โดยสามารถทำควบคู่การเรียนไปได้เลย

เทคโนโลยี ยังเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัยได้
เทคโนโลยี สร้างเพื่อนใหม่
เทคโนโลยี สร้างโอกาสให้คนที่อยู่ห่างไกล
เทคโนโลยี สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ 
เทคโนโลยี ขอแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ก็สามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้ทั้งโลก ไม่ว่าจะห่างกันไกล     1/4 ไมล์ก็ตาม (ฮา)

  ข้อดีเต็มไปหมดแบบนี้ แล้วมันจะไม่มีข้อเสียเลยหรือ ?
แน่นอนค่ะว่ามี เหรียญมีสองด้านฉันใด เทคโนโลยีก็มีทั้งข้อดีข้อเสียค่ะ
เท่าที่บล็อกเกอร์ประสบมา..ก็จะเป็น

เพราะมีเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น  ทำให้คนอดทนน้อยลง ใจร้อนมากขึ้น เพราะทำอะไรก็เร็วปรู๊ดปร๊าดไปหมด
เพราะมีเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น  ทำให้คนมีความละเอียดอ่อนน้อยลง เปรียบเทียบได้ชัดๆ 
ก็ลองนึกถึงการส่งจดหมาย ที่สมัยก่อนต้องวิจิตรบรรจง ใส่ถ้อยคำที่เหมาะสม เดี๋ยวนี้แค่เปิดไลน์ พิมพ์สั้นๆ ตี๊ดึงงง! ก็ส่งข้อความหากันได้แล้ว
เพราะมีเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น  จนถึงขั้น "ติด" ใช้ชีวิตกับมันมากเกินไป  ไม่สนใจโลกแห่งความจริง ใดๆ จนเมื่อถึงคราวขาด ไม่สามารถใช้ได้ เช่น โทรศัพท์แบตเตอร์รี่หมด ลืมหยิบโทรศัพท์มา ก็กระวนกระวายใจกันแย่ (แต่ก็เข้าใจนะว่ามันสำคัญในเวลาฉุกเฉิน) 

  และอื่นๆ ที่บล็อกเกอร์ยังนึกไม่ออก (ฮา)
ทุกอย่างมีข้อดี - ข้อเสีย อยู่ที่ว่าตัวเราจะใช้ส่วนไหนมากกว่ากัน
ใช้ให้เหมาะกับสถานะของเรา เราเป็นนักเรียน เราควรใช้เพียงแค่ไหน จัดสรรเวลาของตัวเองดีหรือยัง เพียงแค่นั้นเองค่ะ

******************************************

  วันนี้ขอจบเอนทรี่ 1 เอนทรี่แรกไว้เพียงเท่านี้ค่ะ
คราวหน้า จะเป็นเรื่องอะไรนั้น รบกวนช่วยกันติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากๆ ถ้ามีคำแนะนำหรือความคิดเห็น เพื่อพัฒนาต่อไปค่ะ! >____<

Credit : รวมรวบข้อมูลอ้างอิงมาจาก
1.) http://www.slideshare.net/ChaiwitKhempanya/ss-17095107
2.) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ - ๖